in on August 10, 2015

ร่าง พ.ร.บ.เปิดป่า-ค้าสัตว์ ใครปลุกผีแปลงสินทรัพย์เป็นทุน

read |

Views

ผู้เขียนเคยเขียนถึงเรื่องนี้แล้วครั้งหนึ่ง ตอนนั้นผู้เขียนประเมินจากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช หวังยืมมือรัฐบาล คสช. ผ่านร่างกฎหมายนี้ เนื่องจากยุคนี้ค่อนข้างจะทำอะไรได้ง่ายตามข้าราชการประจำชง  แต่มาวันนี้ผู้เขียนได้รับข้อมูลที่ต่างออกไป  จึงอยากเอามาเล่า “ให้ฟังอีกครั้งหนึ่ง”

เมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา 17 องค์กรเครือข่ายอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดเสวนาเพื่อคัดค้านร่างกฎหมายเปิดป่า-ค้าสัตว์ ซึ่งหมายถึง พ.ร.บ. ส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่า พ.ศ. … ที่จะใช้แทน พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 และร่าง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. … เพื่อใช้แทน พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504

แม้ว่าหลังมีการจัดประชาพิจารณ์มาแล้ว 2 ครั้ง แต่ 17 องค์กรเครือข่ายอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็ยังคงเห็นว่าไม่มีการตัดหลักการที่เป็นอันตรายต่อป่าและทรัพยากรพันธุกรรมออกไป ในการเสวนาครั้งนี้ ดร.อนรรฆ พัฒนวิบูลย์ อาจารย์คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ยังคงยืนยันเหมือนเดิมว่า ร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้ เป็นการเปลี่ยนแนวคิดจากการอนุรักษ์เป็นการใช้ประโยชน์ ทั้งการเปิดพื้นที่ป่าอนุรักษ์ทั้งเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและอุทยานแห่งชาติให้เอื้อประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวและธุรกิจการท่องเที่ยวได้  ในขณะที่ให้มีการเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเพื่อการค้าได้  ขณะที่หลักการของกฎหมายที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นการรักษาพื้นที่และทรัพยากรพันธุกรรมให้พ้นจากการรบกวนเพื่อให้ประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่กว่าคือเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารและแหล่งทรัพยากรพันธุกรรมเพื่อรักษาสมดุลของระบบนิเวศ

ขณะที่สุรพล ดวงแข กรรมการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร วิพากษ์ว่า ร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้ผิดเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ต้องเป็นการอนุรักษ์สัตว์ป่าและป่าไม้ แต่กลับจะเป็นการนำเอาป่าและสัตว์ป่ามาหารายได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ นี้สะท้อนแนวคิดการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนตั้งแต่สมัยรัฐบาลทักษิณอย่างชัดเจน

ที่ผู้เขียนฟังแล้วอึ้งมากขึ้น ก็ตอนที่ สมัคร  ดอนนาปี  ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช  ระบุว่า หลายประเด็นที่น่าเป็นห่วงคือการเปิดให้ใช้ประโยชน์ ได้มีการประชุมในระดับกรมและได้ตัดมาตราเหล่านั้นออกทั้งหมดแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเมื่อร่างกฎหมายนี้ผ่านจากระดับกรมขึ้นไปถึงระดับกระทรวงแล้ว จะมีการนำเอามาตราที่เป็นอันตรายต่อทรัพยากรของชาติเหล่านั้นกลับเข้ามาบรรจุไว้เหมือนเดิมหรือไม่ เพราะไม่ทราบที่มาที่ไปว่าใครเป็นคนสั่งให้นำร่างกฎหมายเหล่านี้มาปัดฝุ่นทั้งที่มีปัญหาถูกคัดค้านจนหยุดไปหลายปีแล้ว ร่างกฎหมายนี้ไม่น่าจะออกมาจากระดับกรม แต่น่าจะออกมาจากระดับกระทรวง

แรกที่คิดว่าข้าราชการประจำจะลักไก่นักการเมือง คสช. แต่ฟังแบบนี้แล้วก็ชักไม่แน่ใจว่ายังไงกันแน่ ทำให้คิดไปเรื่อยเปื่อยว่าหรือรัฐบาลชุดนี้ชักจะชอบแนวทางการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนของทักษิณ งัดทรัพยากรธรรมชาติอันเป็นต้นทุนที่แท้จริงของประเทศมาทำมาหากินเพราะลงทุนน้อย ได้กำไรมาก น่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีในภาวะที่การเงินง่อนแง่นหรือเปล่า หรือเพราะผลประโยชน์ส่วนตัวของใคร

พอหันมามองสถานการณ์ป่าไม้บ้านเราวันนี้ก็ท้อใจ ป่าต้นน้ำกลายเป็นไร่ข้าวโพด เป็นเขาหัวโล้น เป็นรีสอร์ทสมบัติส่วนตัวของใครต่อใครแล้ว รัฐยังจะออกกฎหมายมาเปิดป่าหาเงิน แนวคิดการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนแบบนี้ก็คงเหมือนนิทานห่านออกไข่เป็นทองคำ เพราะเจ้าของไม่อยากรอไข่ทองคำที่ออกมาแค่วันละฟอง ก็เลยผ่าท้องห่านหวังจะได้ไข่ทองคำจำนวนมาก วันนี้ภัยแล้งรุนแรงจนแทบจะไม่มีน้ำกิน-ใช้ ถ้าผ่าท้องห่านไปแล้ว แล้งต่อๆไปคนคงฆ่ากันตายเป็นเบือเพราะแย่งน้ำกัน

อ้างอิง
  1. ภาพจาก: https://pixabay.com/th/
  2. ภาพจาก: www.seub.or.th
จิตติมา บ้านสร้าง

รายงานสถานะการณ์สิ่งเเวดล้อมในบ้านเมืองกับนักข่าวสาว ผ่านมุมมองเเละเเง่คิดต่างๆ เเบบล้วงลับเจาะลึก

Email

Share