สารจากประธานมูลนิธิโลกสีเขียว
สามเดือนหลังจากการถือกำเนิดของมูลนิธิสืบนาคะเสถียร มูลนิธิเล็กๆ ก็ได้ถูกก่อตั้งขึ้นในปลายปี 2533 ซึ่งถือว่าเป็นยุคกรีน ของประเทศไทยท่ามกลางกระแสโลกด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มข้น
ชาวเจนเอ็กซ์ (รุ่นราวคราวเดียวกับผม) คงเคยได้เห็นและอ่าน ‘วารสารโลกสีเขียว’ กันมาบ้าง หลายๆ คนทั้งเจนเอ็กซ์และวายคงได้เคยทำกิจกรรม ‘นักสืบสิ่งแวดล้อม’ ไม่ว่าจะ ‘นักสืบสายน้ำ’ ‘นักสืบสายลม’ ‘นักสืบชายหาด’ และอาจเคยได้ร่วมโครงการตรวจสุขภาพสวนสาธารณะในกรุงเทพ ในงาน Bangkok Wild Watch หรือ BioBliZ ที่มูลนิธิร่วมกับเครือข่ายได้เป็นเจ้าภาพจัดขึ้นให้ครอบครัวและเยาวชนในเมืองได้หวนกลับมาใช้เวลากับต้นไม้ พื้นที่สีเขียว และธรรมชาติในเมืองกันมากขึ้น การรณรงค์ให้คนขี่หรือปั่นจักรยานเป็นทางเลือกในการเดินทางแบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงาน การผลักดันให้มีไบค์เลนบนถนนในกรุงเทพรวมถึงเส้นทางจักรยานที่ปลอดภัย เป็นส่วนหนึ่งของงานที่มูลนิธิโลกสีเขียวได้ดำเนินการเพื่อสร้างทางเลือกใหม่ๆ ให้คนเมืองได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติขึ้นอีกนิด
สามทศวรรษแห่งการร่วมสร้างสังคมคนไทยหัวใจสีเขียวที่เข้าใจและรักธรรมชาติ ปัจจุบันมูลนิธิยังพยายามดำเนินกิจกรรมที่ขับเคลื่อนให้เกิดพลังของสาธารณะในด้านวิทยาศาสตร์พลเมือง (Citizen science) ที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน
การเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารชุดใหม่นี้ ถือเป็นรุ่นที่ 3 ของมูลนิธิโลกสีเขียว ผมต้องขอขอบพระคุณ มรว. นริศรา จักรพงษ์ ประธานผู้ก่อตั้งมูลนิธิโลกสีเขียว และ ดร. อ้อย สรณรัชฏ์ กาญจนะวณิชย์ ประธานมูลนิธิในรุ่นที่สอง ที่ดำเนินงานมูลนิธิมาเกือบ 3 ทศวรรษเต็มๆ และได้ให้โอกาสผมมารับหน้าที่ประธานมูลนิธิในรุ่นที่ 3 เพื่อสานงานต่อและสร้างงานใหม่ร่วมกับกรรมการและเจ้าหน้าที่มูลนิธิ ที่มีความมุ่งมั่นทุ่มเทที่จะมาช่วยสร้างสังคมสีเขียวต่อไป โดยหวังว่าจะได้ส่งต่อภารกิจจากรุ่นก่อตั้ง และรุ่นเติบโต ไปสู่รุ่นที่จะต้องทำงานกับโลกยุค 5G และสังคมดิจิตอลที่ทุกคนวุ่นวายกับการสื่อสารและโทรศัพท์สมาร์ทโฟนตลอดเวลา จึงเป็นความท้าทายอย่างยิ่งว่าจะทำอย่างไรให้วิถีชีวิตของเยาวชน คนไทย โดยเฉพาะคนเมือง จะยังไม่ห่างไกลหรือตัดขาดจากธรรมชาติและโลกสีเขียวใบนี้
ท่ามกลางความท้าทายของกระแสโลกที่เป็นความเสี่ยงหรือภัยพิบัติอันยิ่งใหญ่ต่อมนุษยชาติ ตั้งแต่การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ การเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศ โรคติดต่ออุบัติใหม่ วิกฤติเศรษฐกิจ และอื่นๆ นับว่าเป็นความท้าทายอย่างยิ่งสำหรับการทำงานขององค์กรพัฒนาเอกชนเล็กๆ แห่งนี้
ผมขอเป็นตัวแทนทีมงานมูลนิธิโลกสีเขียวทุกๆ คน ในการให้ความเชื่อมั่นกับผู้สนับสนุนมูลนิธิโลกสีเขียวและสาธารณชนว่าเราจะตั้งใจทำงานเพื่อเป็นสื่อกลางในการเชื่อมโยงสายสัมพันธุ์ของมนุษย์กับธรรมชาติ ให้ประชาชนและเยาวชนไทยรัก เข้าใจคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและร่วมอนุรักษ์ให้เกิดประโยชน์อย่างยาวนานและยั่งยืน ตลอดจนการร่วมกับภาคประชาชนและประชาสังคมสะท้อนการดำเนินนโยบายสิ่งแวดล้อมของภาครัฐ และพวกเราทุกคนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือจากทุกท่านครับ
ดร. บริพัตร ศิริอรุณรัตน์
5 มิถุนายน 2564