Smart Growth หรือ การเติบโตอย่างชาญฉลาด คือแนวคิดของการวางผังเมืองโดยสร้างความเจริญและสุขภาวะที่ดีภายในเมือง เพื่อป้องกันปัญหาการเติบโตอย่างไม่มีที่สิ้นสุดไปสู่ชานเมือง โดยองค์ประกอบของการเติบโตอย่างชาญฉลาด ได้แก่ เกี่ยวกับ คุณภาพชีวิตของชุมชน เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม สุขภาพ ที่อยู่อาศัยและการคมนาคมขนส่ง และการมีส่วนร่วมออกแบบเมืองจากประชาชนแนวคิดการเติบโตอย่างชาญฉลาด เป็นที่รู้จักและได้รับการเผยแพร่อย่างมากตั้งแต่ปี ค.ศ.1960 โดยหลายองค์กรในสหรัฐอเมริกา แต่ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดได้แก่สมาคมการจัดการเมืองนานาชาติ (ICMA: The International City / County Management Association) และหน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐอเมริกา (EPA: The U.S.Environmental Protection Agency)
แนวความคิดพื้นฐานของการเติบโตอย่างชาญฉลาดมีอยู่ด้วยกัน 10 ประการ ได้แก่
- การใช้ที่ดินแบบผสมผสาน
- การสนับสนุนการออกแบบอาคารให้เกาะกลุ่มกันและใช้ประโยชน์ในการออกแบบอาคารแบบกระชับ (Compact Building Design)
- การสร้างโอกาสและทางเลือกของที่อยู่อาศัยสำหรับประชากรทุกระดับรายได้
- การสนับสนุนการเชื่อมต่อระหว่างย่านและชุมชนด้วยการเดิน
- การสร้างเสริมชุมชนให้เป็นสถานที่พิเศษ (distinctive) และมีแรงดึงดูด (attractive)ด้วยความผูกพันกับสถานที่อย่างเข้มแข็ง
- การรักษาที่โล่ง พื้นที่การเกษตร พื้นที่ธรรมชาติที่งดงาม และพื้นที่ซึ่งมีความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม
- สร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนและมุ่งการพัฒนาไปยังชุมชนที่มีสาธารณูปโภคและสาธารณูปการอยู่แล้ว
- การจัดหาทางเลือกการเดินทางและการคมนาคมขนส่งที่มีความหลากหลาย
- การสร้างระบบการตัดสินใจในการพัฒนาชุมชนที่คาดการณ์ได้ ชัดเจน ยุติธรรม และมีประสิทธิภาพด้านต้นทุน
- การสนับสนุนการมีส่วนร่วมของชุมชนและส่งเสริมประสานร่วมมือกันระหว่างชุมชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
อย่างไรก็ตาม แต่ละประเทศอาจนำแนวคิดการเติบโตอย่างชาญฉลาดไปใช้ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับสภาพสังคม ประชาชน วัฒนธรรม หรือภูมิประเทศนั้นๆ เช่น
ประเทศสิงคโปร์ที่มีความหนาแน่นของประชากรสูง รัฐบาลสิงคโปร์ให้ความสำคัญในการออกแบบและก่อสร้างทางเท้าทีได้มาตรฐาน เพื่อให้พื้นที่สาธารณะเป็นตัวสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกภายในชุมชน
ส่วนที่ประเทศแคนาดา รัฐบาลจะให้ความสำคัญกับการทำเกษตรในเมือง เพื่อความมั่นคงทางอาหารและสร้างสุขภาวะที่ดีของประชาชน โดยกำหนดพื้นที่เกษตรกรรมที่ห้ามแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินเป็นอื่น กำหนดว่าในชุมชนต้องมีร้านค้าอาหารท้องถิ่นในรัศมีที่คนเดินเท้าถึง เป็นต้น